เสี่ยงพอกัน แต่ค่าตอบแทนแสนต่าง!! เทียบค่าเหนื่อยนักแข่ง “โมโตจีพี-เอฟวัน
แฟนมอเตอร์สปอร์ตหลายคนคงคิดว่า “รถสูตรหนึ่ง” หรือ “เอฟวัน” มีความอันตราย และเสี่ยงที่จะเสียชีวิตมากกว่า “รถจักรยานต์ทางเรียบ” หรือ “โมโตจีพี” เพราะดูจากพลังแรงม้า รวมถึงเครื่องยนต์แล้ว ก็ไม่น่าแปลกที่จะทำให้ทุกคนคิดเช่นนั้น
แต่หลังจากมีการทดสอบในทางตรง ปรากฏว่า “เอฟวัน” ไม่ได้ทำเวลาได้รวดเร็วกว่า “โมโตจีพี” มากเท่าใดนัก
โดย รถฟอร์มูล่าวัน ที่กติกาสากลจำกัดขนาดไว้ที่ 1,600 ซีซี พร้อมเทอร์โบชาร์จ ทำความเร็วทางตรงสูงสุดไว้ที่ 360 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในสังเวียนออโตโดรโม่ เฮอร์มานอส โรดริเกซ ประเทศเม็กซิโก ส่วน รถจักรยานยนต์ 1,000 ซีซี ที่ใช้ในการแข่งขันโมโตจีพี สามารถทำความเร็วทางตรงได้สูงสุดที่ 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ซึ่งจะว่าไปแล้วความ “เสี่ยง” ไม่ได้ต่างกันเลย
แต่สิ่งหนึ่งที่กลับต่าง และเป็นสิ่งที่น่าจะทำให้บรรดานักบิดในศึก “โมโตจีพี” แอบน้อยอกน้อยใจอยู่เล็กๆ ก็คือ ค่าตอบแทน ในแต่ละปี
โดยในศึก “โมโตจีพี” นักบิดที่ได้ค่าจ้างต่อปี (ไม่รวมค่าสปอนเซอร์ส่วนตัว) มากที่สุดเป็น “ไอ้เด็กระเบิด” มาร์ก มาร์เกซ แชมป์โลก 4 สมัยชาวสเปน ที่ได้รับค่าเหนื่อยอยู่ที่ปีละ 11.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 360 ล้านบาท
รองลงมาเป็น “เดอะด็อกเตอร์” วาเลนติโน รอสซี่ ยอดนักบิดอิตาลีรับเงินจากยามาฮ่าปีละ 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 320 ล้านบาท อันดับ 3 “เจ้าอมยิ้ม” ฆอร์เก้ ลอเรนโซ่ หนุ่มสเปนจากดูคาติ ได้ 8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ, อันดับ 4 อันเดรีย โดวิซิโอโซ่ ทีมเมทของ ลอเรนโซ่ รับอยู่ 7 ล้านเหรียญสหรัฐฯต่อปี และอันดับ 5 “ท็อปกัน” มาเวอร์ริค บีญาเลส คู่หูของ รอสซี่ ที่รับค่าจ้างจากยามาฮ่า อยู่ที่ 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯต่อปี
ส่วนนักบิดที่รับค่าจ้างน้อยที่สุดในโมโตจีพี ตามรายงานระบุว่าเป็น ซาเวียร์ ซิมิยอง นักบิดจากทีม รีเล่ อวินเทีย เรซซิ่ง และ ทาคาอากิ นาคากามิ จากแอลซีอาร์ ฮอนด้า รับค่าเหนื่อยที่คนละ 250,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 7.75 ล้านบาทต่อหนึ่งฤดูกาล
ข้ามมาทางฝากฝั่ง “ฟอร์มูล่า วัน” นักแข่งแต่ละคนได้ผลตอบแทนที่สวยงาม และมากกว่านักบิดโมโตจีพีหลายเท่า โดยคนที่ได้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 (ไม่รวมค่าสปอนเซอร์) เป็น เซบาสเตียน เวลเทล ยอดนักขับจากเฟอร์รารี่ ได้รับค่าจ้างปีละ 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,650 ล้านบาทต่อปี
รองลงมาเป็น ลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลกคนล่าสุดจากเมอร์เซเดส จีพี ที่รับค่าเหนื่อยจากต้นสังกัดปีละ 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,320 ล้านบาท, อันดับ 3 เฟอร์นานโด อลอนโซ่ แชมป์โลก 2 สมัยจากแมคลาเรน รับค่าเหนื่อยอยู่ปีละ 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 990 ล้านบาท, อันดับ 4 วัลต์เทรี บอสตาส นักขับฟินแลนด์จากเมเซอร์เดส รับอยู่ 8.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 280 ล้านบาท และอันดับ 5 คิมี่ ไรโคเน่น แชมป์โลก 1 สมัยชาวฟินแลนด์ จากเฟอร์รารี่ รับอยู่ 7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 231 ล้านบาท
ซึ่งหากไม่นับ ชาร์ล เลอเคิร์ก นักขับรุกกี้ที่ขยับขึ้นมาจากการแข่งขันฟอร์มูล่า ทู ที่ได้ค่าจ้างอยู่ที่ 150,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 4.95 ล้านบาท นักขับคนอื่นๆ ก็จะได้รับค่าเหนื่อยไม่ต่ำกว่า 350,000 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 11.5 ล้านบาทแทบทั้งสิ้น
ขอบคุณภาพจาก motogp.com กับ formula 1