เงินสะพัด!! “โมโตจีพีไทยแลนด์” สร้างรายได้กว่า 3,100 ล้านบาท

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวภายหลังการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกรายการโมโตจีพี สนามที่ 15 พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2018 ระหว่างวันที่ 5-7 ต.ค.2561 ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ว่า จากการสำรวจเบื้องต้นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า ในช่วงระยะเวลา 3 วันของโมโตจีพี มีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 205,000 คน แบ่งเป็นชาวไทย ประมาณ 153,750 คน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 75 ของผู้เข้าร่วมงานทั้งหมด ส่วนชาวต่างชาติ ประมาณ 51,250 คน คิดเป็นร้อยละ 25 ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติสัญชาติออสเตรเลีย สวิตเซอร์แลนด์ และอังกฤษ

โดยการแข่งขันรถจักรยานยนต์โมโตจีพี สามารถสร้างรายได้รวมประมาณ 3,100 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นในจังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 2,470 ล้านบาท และพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง เช่น จังหวัดขอนแก่น จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดนครราชสีมา รวมจำนวน 630 ล้านบาท

โดยสามารถแบ่งเป็นการใช้จ่ายในหมวดต่างๆ ได้แก่ ค่าพาหนะการเดินทางจำนวน 764 ล้านบาท, ค่าอาหารเครื่องดื่ม ประมาณ 679 ล้านบาท, ค่าที่พัก/โรงแรม จำนวน 642 ล้านบาท, ค่าซื้อสินค้าและของที่ระลึก จำนวน 517 ล้านบาท, ค่าใช้จ่ายอื่นๆ จำนวน 349 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายเพื่อความบันเทิง 146 ล้านบาท

ทั้งนี้ การจัดการแข่งขันโมโตจีพีสามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยเป็นมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศทางตรงประมาณ 1,335 ล้านบาท เป็นมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศทางอ้อม ประมาณ 1,701 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานใหม่ 7,749 คน

โดยเป็นการจ้างงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 3,831 คน คิดเป็นร้อยละ 49.44 ของการจ้างงานใหม่ทั้งหมด และคาดว่าภาครัฐจะจัดเก็บรายได้ในรูปแบบภาษี ประมาณ 329 ล้านบาท

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้ถูกยกระดับเป็น 1 ในจุดหมายปลายทางด้านการแข่งขันจักรยานยนต์ของโลก ผ่านสายตาผู้ชมจากทั่วโลกกว่า 800 ล้านคู่ และคาดว่าปีถัดไปหากประเทศไทยมีการเตรียมความพร้อมในการรับรองผู้ชื่นชอบการแข่งขันจักรยานยนต์ เชื่อว่าประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากการจัดการแข่งขันดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

Leave a Reply