พลาดแล้วจะเสียใจ!! สิ่งที่คุณจะได้สัมผัสใน “พีทีที บีอาร์ไอซี” สนามที่ 4

สุดสัปดาห์นี้ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองไทยอย่าง “พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2018 ก็รูดม่านปิดฉากเป็นที่เรียบร้อย หลังจากขับเคี่ยวห่ำหั่นกันมาครบ 4 สนาม โดยมาถึงตรงนี้ต้องบอกเลยว่า ถ้าหากใครเป็นแฟนมอเตอร์สปอร์ต แล้วคงจะพลาดชมการแข่งขันรายการนี้ เพราะจะมีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้นใน 2 วันนี้อย่างแน่นอน ซึ่งจะมีอะไรน่าสนใจ และน่าสัมผัสบ้างนั้น วันนี้ทีมงานของเรารวมรวบมาให้ได้ติดตามกันครับ

สัมผัสนักขับแถวหน้าของไทย
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า “พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2018” คือรายการที่รวมเอา “ซูเปอร์สตาร์” นักบิดแถวหน้าของวงการจักรยานยนต์ทางเรียบเมืองไทย เอามาไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นในรุ่น ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซี.ซี. ที่มีทั้ง “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร ที่เคยผ่านการแข่งขันในระดับโมโตทูมาแล้ว หรือจะเป็นทีมเมทของเขาในทีมคอร์ คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม อย่าง ชัยวิชิต นิสกุล ที่ฝีไม้ลายมือไม่แพ้กัน นอกจากนั้นยังมี จักรกฤษณ์ แสวงสวาท จากยามาฮ่า ไรเดอร์ส คลับ เรซซิ่ง ที่ฟอร์มในปีนี้ก็ถือว่าน่าจับตาเลยทีเดียว

นอกจากรุ่นใหญ่แล้ว ในรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซี.ซี. ก็ยังมีบรรดาสุดยอดนักขับอีกหลายคนทั้ง อนุภาพ ซามูล ที่ถูกทีมจากบริษัทแม่อย่าง ยามาลู้บ เรซซิ่งทีม ดึงตัวไปช่วยแข่งขันในศึกซูเปอร์ไบค์ประเทศญี่ปุ่น หรือจะเป็น เบนจามิน ไท ฟอร์ต จากทีมนุ รังสิต ท็อปวัน ดร.ไบค์ เรซซิ่ง ที่ทำผลงานได้ดีเช่นเดียวกับ เอกชัย เซี่ยงหว่อง จากเอสพีดับบลิว เพอร์ฟอร์มานซ์ เรซซิ่ง

การขับเคี่ยวแย่งแชมป์ที่สุดมัน
สนามที่ 4 คือสนามสุดท้ายที่เราจะได้รู้กันแล้วว่า นักบิดคนไหนจะประกาศศักดาคว้าแชมป์ไปครองในปีนี้ รวมถึงคว้าสิทธิ์ไวลด์การ์ดไปแข่งขันในศึกเวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ ในปีหน้าอีกด้วย ที่สำคัญการขับเคี่ยวแย่งแชมป์ในปีนี้ก็ช่างประจวบเหมาะเพราะ ในรุ่นใหญ่สุดอย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซี.ซี. เอสบี 1 การขับเคี่ยวกำลังเป็นไปอย่างสนุกโดยถึงแม้ “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร จะนำเป็นจ่าฝูงอยู่ในเวลานี้ แต่เจ้าตัวก็นำทีมเมทอย่าง ชัยวิชิต นิสกลุ อยู่เพียงแค่ 9 คะแนนเท่านั้น ทำให้ต้องมาตัดสินหาแชมป์กันในสนามสุดท้ายในสัปดาห์นี้ และเชื่อว่ามันเป็นการขับเคี่ยวกันแบบไม่สนใจว่า จะเพื่อนร่วมทีมหรือไม่อย่างแน่นอน

สนามแข่งขันที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
คงไม่มีใครกล้าปฎิเสธว่า สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นสนามที่สวยงาม ถึงขนาดได้เป็นเจ้าภาพจัดจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี มาแล้ว ที่สำคัญ สนามช้างฯ ยังมีจุดเด่นที่ให้ทุกคนไปสัมผัสกันอีก 5 ไฮไลต์ ก็คือ ไฮไลต์แรกคือ ทางตรงยาวระยะทาง 1 กิโลเมตร สามารถทำความเร็วได้ในรถระดับทัวริ่งคาร์ถึง 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ ซูเปอร์ไบค์ โดยจุดนี้ ถือเป็นจุดที่ท้าทายนักขับในการหาจุดเบรกในการแซง, ไฮไลต์ที่ 2. คือโค้ง 4 เป็นโค้งซ้ายความเร็วสูง ที่นักขับสามารถเข้าโค้ง ด้วยความเร็วระดับ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะเดียวกัน ก็จะต้องต่อสู้กับแรงเหวี่ยงอันมหาศาลในโค้งนี้, ไฮไลต์ที่ 3.โค้ง 7 เป็นโค้งหักขวา 70 องศา ที่ฝังอยู่ด้วยโค้งเล็กๆอีก 2 โค้งในจุดนี้ และถือเป็นอีกหนึ่งโค้งความเร็วสูงของสนาม ซึ่งรถระดับทัวริ่งคาร์ และมอเตอร์ไซค์ซูเปอร์ไบค์ สามารถรักษาความเร็วได้ในระดับ 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในช่วงออกจากโค้ง 7 นี้, ไฮไลต์ที่ 4 และ 5 อยู่ในโค้งที่ 9 และ 10 ที่มีความต่อเนื่องกัน โดยนักขับต้องใช้ไหวพริบอย่างมากในการขับจุดนี้ เพื่อต่อเนื่องไปยังโค้ง 12 โค้งแฮร์พิน หรือโค้งยูเทิร์นหักศอกขวา 126 องศา ถือเป็นจุดไฮไลต์ของสนาม สาหรับการแซง โดยนักแข่งสามารถเลือกเรซซิ่งไลน์ของตัวเองได้ตามความเหมาะสม ก่อนจะหาจังหวะแซง

น้ำใจไมตรีจากคนบุรีรัมย์
แอดมินเดินทางไป บุรีรัมย์ มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ตั้งแต่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งทุกครั้งก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากคนในท้องถิ่น ดูได้จากการเป็นเจ้าภาพโมโตจีพีครั้งแรกในประวัติศาสตร์ คนบุรีรัมย์ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็กลับมารวมตัวกัน ช่วยเหลือกัน ไม่ว่ามาก หรือน้อย แต่ก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านพ้น และลุล่วงไปด้วยดี ถึงแม้จะไม่ได้ดีที่สุด แต่เชื่อว่าทุกคนที่มาคงได้รับความประทับใจกลับไป เช่นเดียวกับการเดินทางมาชมการแข่งขัน “บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2018” ครั้งนี้ ที่คงจะได้รับน้ำใจไมตรี และการดูแลในฐานะเจ้าบ้านที่ดีจากคนบุรีรัมย์เช่นเดิม

Leave a Reply